Page 51 - Vacationist Aug18
P. 51

เดินต่อกันอีกหน่อยจากย่านเมืองเก่าไปที่ท่าเรือเก่า (old port) ซึ่ง
              ไม่ไกลมากนัก แม้ว่าปัจจุบันที่นี่จะไม่ค่อยมีเรือใหญ่มาจอดเพราะมี
              ท่าเรืออีกแห่งที่ริมแม่น�้า St.lawrence แต่ก็ยังมีบริการให้เช่าเรือล่อง
              แม่น�้าชมวิวทิวทัศน์อยู่ ท่าเรือแห่งนี้สร้างตั้งแต่สมัยอาณานิคมปี
              1600 และรุ่งเรืองสุดๆ ในช่วงปี 1896 ถึง 1930 ปัจจุบันเป็นสถาน
              ที่ผ่อนคลายยอดนิยมส�าหรับคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวเพราะตลอด
              ริมน�้ากว้าง เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และกิจกรรมมากมาย ภาพที่
              เห็นได้ชินตาก็จะเป็นนักท่องเที่ยวท้องถิ่นที่ออกมาเดินออกก�าลังกาย
              หรือเล่นกีฬากัน อย่างเช่น ปั่นจักรยาน วิ่งจ๊อกกิ้ง หรือเล่นรถไฟฟ้า
              แบบยืนสองล้อ โรลเลอร์เบลด เป็นต้น
                 วันต่อมาผมมีโอกาสได้ไปชมสวนพฤกษชาติมอนทรีออล
              (Montreal Botanical Garden) เดิมที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสวน
              ดอกไม้ของเมืองเท่านั้น แต่กลับได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนกลาย  ห้าแบบของทวีปอเมริกาตั้งแต่แบบร้อนชื้นไปจนถึงแบบอาร์กติก ให้คุณ
              เป็นสวนพฤกษชาติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยพื้นที่ร่วม 185   ได้สัมผัสสภาพอากาศหลายแบบในที่เดียวซึ่งระบบนิเวศนี้สร้างอยู่ภายใต้
              เอเคอร์ (1 เอเคอร์ ประมาณ 2.53 ไร่ = 468 ไร่) มีพืชพรรณไม้ทั้ง  โดมกระจกขนาดใหญ่ของเวโลโดรมที่สร้างไว้ส�าหรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก
              ไม้ยืนต้นและไม้พุ่มรวมแล้วกว่า 7,000 ชนิด จัดเป็นธีมต่างๆ รวม     ฤดูร้อนที่มอนทรีออลในปี 1976 นั่นเองบางครั้งเราก็เรียกบริเวณนี้เป็น
              30 รูปแบบ เช่นสวนกุหลาบ (Rose Garden), สวนแบบจีน (Chinese   สนามกีฬาโอลิมปิกสเตเดียม (Montreal Olympic Stadium) เดินแบบ
              Garden) ซึ่งอันนี้จัดแล้วให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่เมืองจีนเลย   เร็วใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงได้ มอนทรีออลไบโอโดมอยู่ตรงข้ามกับ
              สวนแบบญี่ปุ่น (Japanese Garden) ที่บางช่วงจะมีกิจกรรมชงชา  สวนพฤกษชาตินั่นเองหากมาแล้วแวะทั้งสองที่ได้เลย หลายคนที่เดินทาง
              ด้วย และมีเรือนกระจกอีก 10 หลัง ด้วยอาณาบริเวณกว้างขนาดนี้   มาออตตาวา และควิเบกมักที่จะเฉียดมอนทรีออลไปๆ มาๆ เพราะเป็น
              ไม่ต้องกลัวว่าคุณจะต้องเดินเหนื่อยจนขาลาก ที่สวนมีรถบัสบริการ  เหมือนทางผ่านของสองเมืองใหญ่ แต่ส�าหรับใครที่ได้มาแคนาดาครั้งหนึ่ง
              ฟรีให้คุณสามารถขึ้นลง ชมส่วนต่างๆ ของสวนได้ ช่วงที่น่ามาที่สุด     ผมแนะน�าให้แวะมาเที่ยวชมมอนทรีออลสักครั้งทานอาหารแบบแคนาดา
              ผมแนะน�าว่าเป็นฤดูใบไม้ร่วงเพราะคุณจะเห็นใบไม้พร้อมใจกัน   อย่าง Poutine คุณจะรู้ว่าเฟรนช์ฟรายส์ ราดเกรวี่และชีสเคิร์ด (Cheese
              ผลัดใบปรับเปลี่ยนสีสันไปตามฤดูดาล หรือในช่วงฤดูร้อนที่มักจะมี  Curd) มันอร่อยแค่ไหน
              กิจกรรมหลากหลายให้ร่วมสนุกกัน ภายในสวนจะมีอุทยานแมลง
              ที่จัดแสดงแมลงกว่า 250,000 ชิ้น เป็นพิพิธภัณฑ์แมลงที่ใหญ่ที่สุด
              ในอเมริกาเหนือเลยทีเดียวถ้ามีเวลาผมก็อยากแนะน�าให้เข้าชม     อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์แคนาดา ประมาณ 30.5 บาท
              ส่วนนี้แม้มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม แต่การได้ชมคอลเลกชันแมลงสตัฟฟ์   เวลาในประเทศแคนาดาช้ากว่าเมืองไทยประมาณ 14 - 15 ชั่วโมง และถูกแบ่งออก
              หายากที่มาจาก 80 ประเทศ ผมว่าคุ้มราคาอยู่             เป็น 6 โซนโดยอิงตามพื้นที่ ซึ่งในแต่ละโซนจะมีเวลาต่างกัน 1 ชั่วโมงโดยประมาณ
                 และถ้าคุณอยากรู้จักสภาพอากาศแคนาดามากขึ้นแบบเร่งรัด     แคนาดามีธรรมเนียมการให้ทิป โดยต้องให้ 10 - 15% แก่พนักงานเสิร์ฟ คนขับ
              ผมว่าที่มอนทรีออลไบโอโดม (Montreal Biodome) น่าจะให้ค�าตอบ  แท็กซี่ ช่างท�าผม พนักงานโรงแรมและบาร์เทนเดอร์ ฯลฯ
              คุณได้เป็นอย่างดี เพราะที่นี่เขาจะจ�าลองระบบนิเวศที่แตกต่างกัน



                                                                                         August 2018   |  Vacationist    |  51
                                     www.VacationisMag.com
   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56